13 สิงหาคม 2553

รองเท้าฟุตบอล เลือก แบบไหน ยังไง งง?? EP.3 "เทคโนโลยีในรองเท้าบอล"

เอาตั้งแต่ที่ผมเริ่มที่จะเห็นความแต่งต่างที่มีในรองเท้าฟุตบอล ก็คงเป็นเรื่องเทคโนโลยีต่างๆที่แต่ละยี่ห้อพยายามคิดค้นนำมาใส่ในรองเท้าของตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ของผู้ใช้ หรือ มันอาจเป็นเพียงกุศโลบายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับรองเ้ท้าฟุตบอลเท่านั้น ย้อนกลับไปสมัยผมเรียน ป.ตรี เมื่อประมาณ 4 ปีก่อนจำได้ว่าไปเจอรองเท้าฟุตบอลของ adidas พอพลิกดูที่พื้น โอ้ แม่เจ้า!! ผมเห็นมีฟันเฟืองข้างในด้วย คำถามคือเพื่ออะไร?? ในยุคแรกๆคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ถูกนำเข้ามาใส่ใน รองเท้าฟุตบอล คือ แถบยาง ในรองเ้ท้าตระกูล "Predator" ของ adidas แถบยางที่ถูกนำเข้ามาใส่คงเพื่อช่วยในเรื่องการปั่นบอล และเพิ่มความแม่นยำในการทำประตู ปัจจุบันผู้ผลิตได้ค้นคว้าเทคโนโลยีต่างๆมาใส่ในรองเ้ทาของตนเพื่อที่จะสามารถที่จะแข็งขันกับผู้ผลิตรายอื่นในตลาดได้ ทุกวันวันนี้สามารถแบ่งรูปแบบลักษณะตามความสามารถและประสิทธิภาพของรองเท้าหลักๆออกเป็น 3 สาย

1.สาย ความเร็ว หรือ Speed
รองเท้าจำพวกนี้ส่วนใหญ่ upper จะถูกผลิตขึ้นมาจาก หนังสังเคราะห์ หรือ Micro Fiber ที่มีคุณสมบัติในด้านความเบา และ ความบาง น้ำหนักรองเท้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 150-250 กรัม ต่อข้างแนวโน้มในอนาคตคงจะมีความเบามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้ผลิตแต่ละรายพยายามคิดค้นหนังชนิดใหม่ๆที่มีคุณสมบัติที่มีน้ำหนักน้อยลง และวัสดุที่ใช้ทำพื้นรองเท้าผู้ผลิตหลายรายได้นำเอา Carbon Fiber และ Carbon Kevlar มาใช้ เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพื้นรองเท้า รองเท้าสายสปีดจึงเหมาะกับผู้เล่นที่มีความคล่องตัวสูงและใช้ความเร็วในการเล่นฟุตบอล แต่ข้อด้อยของรองเท้าแบบนี้คงเป็นเรื่องของน้ำหนักในการยิงลูกฟุตบอลที่ไม่มีพลังเอาเสียเลยคงเป็นเพราะรองเท้าที่มีความเบาหรืออาจจะเบามากเกินไปรึเปล่า
2.สาย พละกำลัง หรือ power
รองเท้าจำพวกนี้จะมีทั้งแบบที่นำหนังแท้ และ หนังสังเคราะห์มาใช้ในการทำ upper แต่สิ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาก็คงเป็นเรื่องของ วัสดุชนิดอื่นๆที่ถูกแทรกหรือเติมเข้ามาในส่วนของ upper ตรงบริเวณที่มีการสัมผัสกับลูกฟุตบอล ซึ่งทางผู้ผลิตเองอ้างว่าจะช่วยในด้านการยิงลูกฟุตบอลหรือการทำประตูที่มีความรุนแรงและความแม่นยำมากขึ้น วัสดุที่นิยมมาใส่บริเวณ upper จะเป็นลักษณะ ครีบ ที่ทำมาจากยางที่มีความหนืด และ เหนี่ยว จากประสมการณ์ของผมเอง ยอมรับว่ามันช่วยให้ยิงแรงขึ้นจริง และอีกหนึ่งอย่างคือ เรื่องของพื้นรองด้านใน หลายยี่ห้อได้มีการให้พื้นรองด้านในของรองเท้าประเภทนี้มาด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเบา และแบบหนัก เพราะรองเท้าประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 260-350 ต่อข้างเลยที่เดียวจึงเป็นทางเลือกของผู้สวมใส่เองว่าจะชอบให้รองเท้านั้นมีน้ำหนักมากเพื่อการยิงประตูที่รุนแรงหรือเบาขึ้นมาหน่อยเพื่อเพิ่มความคล่องตัว ข้อดีของรองเท้าแบบนี้คงเป็นเรื่องของการทำประตูที่ให้ความรุนแรงและแม่นยำ แต่ข้อเสียหลักๆคงเป็นเรื่องน้ำหนัก รองเท้าฟุตบอลแบบนี้ส่วนใหญ่จะถูกส่วมใส่โดยผู้เล่นในตำแหน่งของศูนย์หน้า
3.สาย คลาสสิค หรือ heritage
รองเท้าแบบนี้รูปลักษณ์จะออกไปทางแนวย้อนยุคที่ดูเป็นแบบคลาสสิค ทำให้ดูเหมือนกับรองเท้าฟุตบอลสมัยก่อน แต่ทุกวันนี้รองเท้าสายคลาสสิครุ่นใหม่ๆได้ถูกเติมความทันสมัยลงไปบ้างแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกที่ดูคลาสสิค แน่นอนว่าวัสดุที่ยิยมมาใช้ในการทำ upper ก็คือหนังแท้ ในยุคแรกๆอาจจะใช้หนังวัว แต่ปัจจุบันหนังจิงโจ้ได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาผลิต upper หรือ หน้าผ้า รองเท้าฟุตบอลแบบนี้คงไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ให้กับผู้สวมใส่คือความ นุ่มสบายของหนังและความรู้สึกที่ดีในการสัมผัสลูกฟุตบอลที่เหมือนราวกับว่าเท้าสัมผัสกับบอลโดยตรง เหมือนไม่ได้ใส่สตั้ด น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 250-350 รองเท้าแบบนี้คงเหมาะกับคนที่ต้องการความนุ่มของหนังและไม่ต้องการเทคโนโลยีอะไรมากมาย ขอเพียงแค่ความคลาสสิคของรองเท้าก็พอ

ไม่มีความคิดเห็น: